‘โบวี่ อัฐมา’ แจงดราม่าไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม

‘โบวี่ อัฐมา’ แจงดราม่าไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม

กลายเป็นดราม่าขึ้นมาจนได้ สำหรับข่าวของนักแสดงสาว ‘โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์‘ ที่ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางบัญชีเฟซบุ๊กแฟนเพจ เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา เล่าความรู้สึกหลังบินลัดฟ้าเดินทางไปเที่ยวที่ต่างประเทศ มัลดีฟกับยุโรป นาน 1 เดือน เผย ไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม โดยระบุว่า “ไป ตปท. มา เกือบ 1 เดือน กลับมารู้สึก รักเมืองไทยกว่าเดิม 🥰 #ของดีที่อยู่ใกล้มือ”

ก่อนที่ข้อความดังกล่าวของสาว โบวี่ อัฐมา 

จะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกโซเชียล ตั้งคำถามกลับไปทางฝั่งของนักแสดงสาวว่า ที่โพสต์แบบนี้เพราะชีวิตไม่เคยลำบากหรือเปล่า หรืออยู่ที่เมืองไทยมีอภิสิทธิ์เยอะกว่า ? ล่าสุด (17 ม.ค. 66) ทางนักแสดงสาวก็ได้มีการเข้าคอมเมนต์ที่ใต้โพสต์ ไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม ชี้ รักประเทศไทยไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดพัฒนาประเทศ โดยระบุว่า

“การรักประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่า เราจะหยุดพัฒนาประเทศ แต่ยิ่งเรารักประเทศ เราก็ยิ่งอยากจะพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้น (ตามความสามารถที่เราทำได้) ประเทศไทยเรายังมีส่วนที่พัฒนาได้มากกว่านี้อีกเยอะ แต่เสน่ห์ดีๆที่เรามีและน่ารักษาไว้ ก็มีมากมายเช่นกัน 🥰” และ

“ตัวโบเองก็ไม่ได้เกิดมาสบายนะ เคยสมัครเป็น พนักงานเซเว่นแต่เขาไม่รับ มาแล้วเหมือนกัน พ่อแม่โบเข้ามาจาก ตจว. อยู่บ้านเช่ารวมๆกันกับญาติ ตอนเด็กๆ เห็นพ่อแม่ลำบากดิ้นรน ก็คิดว่าจะทำยังไงดีที่จะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้

จึง ‘พยายาม’ พัฒนาตัวเอง พยายามตั้งใจเรียน เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถไปทำงานที่ดี ได้เงินเดือนที่ดี

ช่วงจบ ม.6 เคยไปสมัครเป็น พนักงานเซเว่น แต่เขาไม่รับเพราะอายุไม่ถึง เลยไปทำงานเป็นพนังงานยืนเฝ้าร้านขายของในห้าง วันนึงได้ประะมาณ 250 บาท นั่งรถเมล์ไปทำงาน หลับน้ำลายยืดบนรถเมลล์เพราะรถติดมาก และเราก็เหนื่อย พอเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไปโพสรับจ้างสอนพิเศษให้เด็กเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ ได้เงินดีขึ้นมาก ได้ ชม.ละ 200 / สอนวันละ 2 ชม. รวมได้ 400 บาท (มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำแล้ว) ตอนนั้นเลยเลิกขอเงินพ่อแม่ใช้

ตัวโบเองตอนนั้นเห็นเพื่อนที่เขาเกิดมาสบายเลย เพราะพ่อแม่มีฐานะ ก็คิดเหมือนกันว่าเขาโชคดี ทำบุญมาดีจัง เราทำบุญมาเท่านี้ เกิดมาได้เท่านี้ ก็ต้อง ‘พยายาม’ มากกว่าเขา เราอาจทำบุญมาไม่เท่าเขา แต่เราก็มาสร้างเอาใหม่ได้ พยายามทำความดี คิดดี พูดดี ทำดี กตัญญู สร้างกุศลให้มาหนุนนำชีวิต ให้มันเจริญขึ้นได้ ซึ่งโบก็ได้พิสูจน์มาแล้ว ทุกวันนี้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ นอกจากความ ‘พยายาม’ แล้ว ก็เพราะกุศลที่ได้ทำมาหนุนนำชีวิตนี่แหละ อธิฐานบุญอะไรก็มักจะสำเร็จเสมอ

โบคิดว่าการที่เราเกิดมาลำบาก และต้องพยายามฝ่าฝัน มันก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่เราต้องผ่าน เพราะโบก็เห็นอีกหลายๆคนเขาก็ผ่านมาแบบนี้เหมือนกัน หลายๆคนตอนเด็ก ลำบากกว่าโบอีกมากกกก แต่เขาก็พยายาม ‘พัฒนา’ ตัวเอง ดิ้นรนหาความรู้ เพิ่มทักษะให้ตัวเอง หาช่องทางโอกาสให้กับชีวิต ไม่หยุดนิ่ง และเขาก็ผ่านจุดนั้นมาได้ ปัจจัยภายนอกก็ส่วนหนึ่งที่ต้องพัฒนาแก้ไข แต่อีกส่วนก็อยู่ที่ตัวเราเองที่ก็ต้องมีความพยายามพัฒนาตัวเองด้วย”

‘มิ้วกี้ ไปรยา’ ฉลองวันเกิดอายุ 35 ด้วยชุดบิกินีสุดวาบหวิว!

เพิ่งมีข่าวเปิดตัวแฟนใหม่ไปหมาด ๆ สำหรับคุณแม่ ‘มิ้วกี้ ไปรยา ผดุงสุข‘ สุดแซ่บ สวยเซ็กซี่ซู่ซ่า กับหนุ่มผิวสีชาวฝรั่งเศส ‘ดีเจเควิน‘ ล่าสุด (14 ม.ค. 66) ทาง แม่มิ้วกี้ ก็ได้มีการออกมาโพสต์ฉลองวันคล้าย วันเกิด อายุ 35 ด้วยการถ่ายแฟชั่นเซตชุด บิกินี สุดวาบหวิวผ่านทางบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว

โดยสาว มิ้วกี้ ไปรยา มาในชุด บิกินี ทูพีซ พร้อมถุงมือถุงน่องสีดำกลิตเตอร์ โพสท่าเผ็ดร้อนจนลืมหน้าหนาวไปเลยทีเดียว งานปีนี้เรียกได้ว่า แม่มิ้วกี้ จัดใหญ่จัดเต็มใน วันเกิด วัย 35 ปี เลยทีเดียว แถมยังแนบแคปชั่นประโยคเด็ด ระบุว่า “Officially! I’m turn to 35 🎁🎈 อายุก็เหมือนไวน์ชั้นดีนะคะ เพราะไวน์ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งอร่อย 🙏🏼♥️”

พอโพสต์ของสาว มิ้วกี้ ไปรยา ถูกปล่อยไปได้แปปเดียวก็มีเหล่าบรรดาแฟนคลับและเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิงต่างแห่กันเข้ามากดไลก์และคอมเมนต์ที่ใต้โพสต์ดังกล่าว เพื่อร่วมอวยพรวันเกิดให้กับคุณ แม่มิ้วกี้ กันอย่างมากมาย อย่างเช่น

“จริงค่ะแม่! สุขสันต์วันเกิดนะค้าบบบบ”, “Happy birthday นะคะพี่กี้ 🥰✨💕 เลิฟยูว!!!!! ปังๆตลอดไปค่ะ”, “Happy Birthday🎂 แม่มิลกี้สุดแซ่ป”, “เริ่ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว กราบค่ะมัม🔥”, “HBDนะคะลูก…ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองและดลบันดาลให้หนูพบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม..มีความสุขกายสุขใจะคะ”, ฯลฯ

สำหรับเรื่องราวในอดีตของดิวกับใคร อดีตคืออดีตที่ดิวผ่านมาและดิวไม่ขอโทษใครไปมากกว่าตัวเอง ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึง คิดกันไปไกล เพราะประเด็นมันคือแค่ สิ่งที่ดิวทำ ดิวมีคำถามที่มีในใจตัวเองเสมอมาว่า ถ้าเรารู้ เราเห็นว่าอะไรที่มันไม่ดีไม่ถูก ไม่ควร ผิดที่ผิดทาง และเราปล่อยมันไป ปล่อยมันไว้ แล้วเมื่อไหร่อะไรๆในสังคม และสิ่งที่เราต้องอยู่มันจะดีขึ้นสักที

ดิวเชื่อว่าในมุมมองหลายคน บางสิ่งบางอย่างมันเรื่องที่เปลี่ยนยาก แต่ถ้าไม่เริ่ม มันก็คงไม่มีวันเปลี่ยน และเราจะต้องอยู่กันแบบนี้จริงเหรอ? คำถามคือ ถ้าจริง เด็ก หรือใครก็ตามที่เติบโตมาและต้องอยู่ในสังคมที่มีอะไรแบบนี้ มันจะท้อแท้แค่ไหน ถ้าคนที่ทำผิด มีชีวิตที่ดีเปิดเผยตัวเอง ออกหน้าแบบปกติทั่วไป คนที่ทำดีทำถูก ทำมาหากินสุจริต สู้กับชีวิตไปแต่ละวัน จะท้อแท้แค่ไหน เพราะดีเท่าไหร่มันก็คงไม่ทันคนที่ทำผิดและรวยทางลัดกับสิ่งที่ผิดอยู่ดี

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า